ฮาร์ดดิสก์ (Harddisk) คืออุปกรณ์ชิ้นหนึ่ง ที่เป็นตัวเก็บข้อมูลต่างๆ ของคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลระบบปฏิบัติการณ์ต่างๆ หรือข้อมูลในรูปแบบของโปรแกรมประยุกต์ หรือแฟ้มงานต่างๆ ล้วนถูกเก็บรักษาเอาไว้ในฮาร์ดดิสก์ ฮาร์ดดิสก์ เลยเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นและสำคัญที่สุดชิ้นหนึ่งเลยทีเดียวก็ว่าได้

ฮาร์ดดิสก์ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1950 ตอนนั้น มีขนาดค่อนข้างใหญ่ มีเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 20 นิ้ว มีความจุระดับเพียงเมกะไบต์เท่านั้น ( 1 เมกะไบต์ เท่ากับ 1,000,000 ไบต์) ตอนแรกใช้ชื่อว่า ฟิกส์ดิสก์ (Fixed disks) หรือ วินเชสเตอร์ (Winchesters) เป็นชื่อที่บริษัท IBM เรียกผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ของพวกเขา ภายหลังจึงเรียกว่า ฮาร์ดดิสก์ (Hard disk) เพื่อให้มีความแตกต่างจากฟลอปปี้ดิสก์( Floppy disk) ภายในฮารด์ดิสก์ มีส่วนประกอบที่สำคัญที่สุด คือ จานกลมแข็ง ซึ่งฉาบไว้ด้วยสารแม่เหล็ก
การทำงานและส่วนประกอบของฮาร์ดดิสก์
• หัวอ่าน (Head) เป็นส่วนหนึ่งของแขนหัวอ่าน ซึ่งเจ้าหัวอ่านตัวนี้สร้างจากขดลวด เพื่อใช้อ่านหรือเขียนข้อมูลลงบนแผ่นแม่เหล็ก โดยการรับคำสั่งจากตัวคอนโทรลเลอร์ ก่อนเกิดความเหนี่ยวนำทางแม่เหล็ก และไปเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของสนามแม่เหล็ก และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของข้อมูลนั่นเอง
• แขนหัวอ่าน (Actuator Arm) มีลักษณะเป็นแท่งเหล็กยาวๆ ซึ่งสามารถรับคำสั่งจากวงจรให้เลื่อนไปยังตำแหน่งที่ต้องการได้ ไม่ว่าจะเป็นอ่านหรือเขียนข้อมูลลงบนแผ่นแม่เหล็ก โดยต้องทำงานร่วมกับหัวอ่าน
• จานแม่เหล็ก (Platters) มีลักษณะเป็นจานกลมๆ เคลือบด้วยสารแม่เหล็กวางซ้อนกันหลายๆ ชั้นขึ้นอยู่กับความจุ เจ้าสารแม่เหล็กที่เองที่เป็นข้อมูลต่างๆ ของเรา โดยข้อมูลนั้นจะถูกบันทึกในลักษณะของเลข 0 และ 1 แผ่นแม่เหล็กนั้นติดกับมอเตอร์สำหรับหมุน (Spindle Motor) และสามารถเก็บข้อมูลได้ทั้ง 2 ด้าน
• มอเตอร์หมุนแผ่นแม่เหล็ก (Spindle Motor) เป็นตัวควบคุมจานแม่เหล็กให้หมุนไปยังตำแหน่งที่ต้องการเพื่อบันทึก หรือแก้ไขข้อมูล ปกติมักมีความเร็วในการหมุนประมาณ 7200 รอบต่อนาที แต่ด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมทำให้ตัวมอเตอร์มาสามารถเพิ่มความเร็วได้ถึง 1 หมื่นรอบต่อนาที
• เคส (Case) หรือตัวกล่องสี่เหลี่ยม ซึ่งเป็นที่บรรจุส่วนต่างๆ ที่ใช้ในการทำงานของฮาร์ดดิสก์
หลักการบันทึกข้อมูลลงบนฮาร์ดดิสก์ไม่ได้แตกต่างจากการบันทึกลงบนเทปคาสเซ็ทเลย เพราะทั้งคู่ต้องใช้สารบันทึกคือสารแม่เหล็กเหมือนกัน สารแม่เหล็กนี้สามารถลบหรือเขียนได้ใหม่อยู่ตลอดเวลา โดยเมื่อบันทึกหรือเขียนไปแล้ว มันสามารถจำรูปแบบเดิมได้เป็นเวลาหลายปี โดยส่วนที่แตกต่างกันเพียงสองสามอย่างเท่านั้นสื่อในการเก็บข้อมูลนี้จะเก็บข้อมูลไว้ในรูปของอนุภาคแม่เหล็กบนผิวของฟิลม์เหล็กออกไวด์ซึ่งเคลือบอยู่บนผิวของดิสก์ และจะใช้หัวในการอ่านและเขียนหนึ่งหัวหรือมากกว่านั้นเพื่อทำการเปลี่ยนการจัดเรียงตัวของอนุภาคแม่เหล็กไปเป็นสัญญาณทางอิเล็กทรอนิกส์ (1หรือ0)เพื่อป้อนข้อมูลให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์อย่างไรก็ตามกรณีของฮาร์ดดิสก์นั้นผิวของสารที่เคลือบด้วยสารแม่เหล็กไว้จะเป็นโลหะแข็ง (ดังที่ชื่อก็บอกไว้แล้ว) ตัวดิสก์นี้จะเก็บอยู่ในกล่องที่ปิดสนิทและมีแผ่นจานอยู่สอง สาม แผ่นที่เรียกว่า Platters

ประเภทของ ฮาร์ดดิสก์ (Hard Disk)
1.IDE (Integrated Drive Electronics)

2.SCCSI (Small Computer System Interface)

3.SAS (Serial Attached SCSI)

4. SATA (Serial Advanced Technology Attachment)
คือระบบการรับส่งข้อมูลแบบอนุกรม โดยจะส่งข้อมูลทีละบิตเรียงกัน ทำให้ SATA สามารถรับส่งข้อมูลได้เร็วกว่า และมีประสิทธิภาพมากกว่าเทคโนโลยีแบบขนาน (IDE) ความเร็วที่เพิ่มขึ้นของ SATA นี้ยังช่วยให้การเรียกใช้โปรแกรมและข้อมูลต่าง ๆ ทำได้รวดเร็วยิ่งขึ้นอีกด้วย โดยตามท้องตลาดมี Hard disk อยู่สองรูปแบบ คือ รุ่นใหม่เรียกว่า Serial ATA หรือ SATA และอีกแบบคือ แบบ IDE ซึ่งทั้งสองแบบใช้สายสัญญาณและสายไฟในการเชื่อมต่อที่แตกต่างกัน การเลือกใช้งานต้องตรวจสอบว่า เมนบอร์ดรองรับการทำงานกับฮาร์ดิสค์แบบใดด้วย
คือระบบการรับส่งข้อมูลแบบอนุกรม โดยจะส่งข้อมูลทีละบิตเรียงกัน ทำให้ SATA สามารถรับส่งข้อมูลได้เร็วกว่า และมีประสิทธิภาพมากกว่าเทคโนโลยีแบบขนาน (IDE) ความเร็วที่เพิ่มขึ้นของ SATA นี้ยังช่วยให้การเรียกใช้โปรแกรมและข้อมูลต่าง ๆ ทำได้รวดเร็วยิ่งขึ้นอีกด้วย โดยตามท้องตลาดมี Hard disk อยู่สองรูปแบบ คือ รุ่นใหม่เรียกว่า Serial ATA หรือ SATA และอีกแบบคือ แบบ IDE ซึ่งทั้งสองแบบใช้สายสัญญาณและสายไฟในการเชื่อมต่อที่แตกต่างกัน การเลือกใช้งานต้องตรวจสอบว่า เมนบอร์ดรองรับการทำงานกับฮาร์ดิสค์แบบใดด้วย
ฮาร์ดดิสก์ SATA จะมีคุณสมบัติพิเศษอยู่ 2 อย่าง คือ
-Native Command Queuing (NCQ) เป็นการเข้าถึงข้อมูลในฮาร์ดดิสก์แบบใหม่ทั้งในการอ่านและเขียน
-Hot Plugging Hard Drives เป็นการช่วยในการเพิ่มหรือเอาออกของฮาร์ดดิสก์โดยที่ไม่ต้องรีสตาร์ต Windows
สำหรับสายของฮาร์ดดิสค์แบบ SATA นั้นจะเป็นสายเส้นเดียวที่ด้านหนึ่งจะเชื่อมต่อเข้ากับตัวเมนบอร์ด และปลายอีกด้านหนึ่งจะเชื่อมต่อเข้าที่ตัวฮาร์ดดิสค์แบบ SATA ข้อดีของการเชื่อมต่อแบบนี้ก็คือความเป็นระเบียบเรียบร้อยของตัวสายอัน เนื่องมาจากขนาดที่เล็กกว่าของสาย IDE ทำให้การจัดวางสายใช้เนื่อที่ภายในเคสน้อย
-Native Command Queuing (NCQ) เป็นการเข้าถึงข้อมูลในฮาร์ดดิสก์แบบใหม่ทั้งในการอ่านและเขียน
-Hot Plugging Hard Drives เป็นการช่วยในการเพิ่มหรือเอาออกของฮาร์ดดิสก์โดยที่ไม่ต้องรีสตาร์ต Windows
สำหรับสายของฮาร์ดดิสค์แบบ SATA นั้นจะเป็นสายเส้นเดียวที่ด้านหนึ่งจะเชื่อมต่อเข้ากับตัวเมนบอร์ด และปลายอีกด้านหนึ่งจะเชื่อมต่อเข้าที่ตัวฮาร์ดดิสค์แบบ SATA ข้อดีของการเชื่อมต่อแบบนี้ก็คือความเป็นระเบียบเรียบร้อยของตัวสายอัน เนื่องมาจากขนาดที่เล็กกว่าของสาย IDE ทำให้การจัดวางสายใช้เนื่อที่ภายในเคสน้อย

5.SSD (Solid-State Drive)

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น